วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560

หม้อไฟปลาแองเกลอร์ทะเลลึก ณ อากิฮาบาระ Isegen (いせ源)




ตอนแอดมินนั่งวางแผนทริปนี้กับเพื่อนในบ้านที่ประเทศไทยก็ได้ลองหาร้านที่น่าสนใจดูหลาย ๆ ร้านเพื่อไปตะลอนกิน (ใช้เวลาเป็นเดือนในการคัดร้าน/วางแผน) อยู่ดีๆเพื่อนแอดมินที่เคยไปเที่ยวมาหลาย
ครั้งก็โทรมาหาแล้วถามว่าเป็นไงบ้าง ได้ร้านอะไรมั่ง แอดมินก็ตอบไปตามแผนที่วาง

หลังจากที่แอดมินสาธยายรายชื่อของร้านหลายๆร้านแล้วมันก็บอกว่า ก็ดีนะ แต่ไม่มีอะไรในนั้นที่หาทานยากเลยวะ ดูอย่างกูนี่สิไปเที่ยวญี่ปุ่นได้กินเนื้อม้าด้วย สุดยอดไปเลยมันนุ่มมันมีรสชาติมันละลายในปากมันนู่นนี่นั่นบลา ๆๆ (พูดต่ออีกเป็นสิบนาทีจนแอดมินขี้เกียจฟัง)

หลังจากที่แอดมินนั่งฟังมันสาธยายว่าทริปไปญี่ปุ่นของมันได้กินของหาทานได้ยากในไทยแล้วบอกแอดมินว่าทริปที่ผ่านมากินแต่ของหาทานที่ไหนก็ได้ แอดมินก็เลยหมั่นไส้ครับ ยอมไม่ได้ หลังจากวางหูไปแล้วแอดมินก็นั่งหาข้อมูลอย่างไวว่ามีอะไรแปลกๆมั่ง แต่ก็ไม่เจออะไรที่ถูกใจเลย เว็บแนะนำก็ไม่ค่อยมีข้อมูลของที่หาทานยากขนาดนั้น จะเจอก็แต่พวก ถุงอสุจิปลาหรือไม่ก็พวกนัตโตะ ซึ่งก็อาจจะแปลกอยู่ แต่เลเวลความหายากมันไม่พอ!

เอาปลาที่แล่แล้วออกมาแชน้ำแข็งโชว์ที่ตู้กระจกหน้าร้าน 



ร้านนี้ได้มาจากการกวาดหาข้อมูลร้านใน Foursquare ตอนหาร้านแปลกๆอยู่ เพื่อนของแอดมินที่เดินทางไปด้วยกัน (แอดมินแมพ) ก็บอกว่าจะไปช้อปที่อากิบะ และต้องได้ไปสิงสถิตอยู่ที่นั่นซัก 2-3 วัน แอดมินก็เลยกางแผนที่หาเลยครับ จนไปสะดุดเข้าที่ร้านหนึ่ง ไม่ได้อยู่ในย่านหลักอากิฮาบาระ ต้องเดินจากสถานีรถไฟประมาณ 10 นาที ร้านนี้มีรีวิวที่ดีพอสมควรและเป็นร้านเก่าแก่เปิดมานาน พออ่านดูก็พบว่า เฮ้ย นี่มันร้าน หม้อไฟปลาแองเกลอร์ ไม่มีรีรอครับ แอดมินยัดลงไปในแผนเที่ยวทันที

สภาพหน้าร้านดูแทบไม่ออกว่าขายอาหาร

ดูจากข้างนอกร้านอาจจะดูเหมือนร้านเล็กๆ แต่ข้างในใหญ่พอสมควรเลยครับ มีห้องอาหาร3ชั้น โต๊ะแบบนั่งพื้นสไตล์ญี่ปุ่น และบรรยากาศเป็นกันเอง แต่จากที่สังเกตุดูแล้วไม่ค่อยมีวัยรุ่นมาทานกันที่นี่ครับ กว่า 90% เป็นรุ่นใหญ่ ใส่ชุดสูท ชุดทำงาน อายุก็ไม่ต่ำกว่า 30 กันทุกคน แสดงว่าไม่ค่อยเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเท่าใหร่

ตอนได้เข้าไปได้ที่นั่งริมหน้าต่างประตูเลื่อนชั้น2ครับ บรรยากาศข้างนอกไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เพราะตึกบัง แต่บรรยากาศข้างในเป็นกันเองมากครับ พนักงานมาหาตอนแรกก็พูดเป็นภาษาญี่ปุ่น แอดมินก็มึนสิครับฟังไม่ออก เลยสื่อสารกลับไปเป็นภาษาอังกฤษ ป้าพนักงานเขาได้ยินดังนั้นเลยพูดด้วยภาษาญี่ปุ่นที่แอดมินแมพแปลแบบงูๆปลาๆได้ความว่ารอสักครู่

จากนั้นก็มีพนักงานสาวอีกคนมารับออเดอร์แทนครับ คราวนี้ละเจอพนักงานพูดอังกฤษใส่คล่องจนทั้งกลุ่มของผมทึ่งเพราะมาเที่ยวญี่ปุ่นหลายรอบ ไม่เคยเจอใครพูดปร๋อแบบนี้มาก่อน แถมสำเนียงมาครบด้วย เขาถามว่าเป็มคนจีนหรือเปล่าจะได้ให้ล่ามจีนมาแปลให้ฟัง (มีเมนูภาษาจีนให้ด้วยนะเอ้า) เลยตอบปฎิเสธไป และคุยด้วยภาษาอังกฤษแทน สุดท้ายก็ได้สั่งชุดหม้อไฟสำหรับ4คนมาทาน(เพิ่มจำนวนได้ตามคนที่ไป)พร้อมกับวุ้นที่ไม่แน่ใจว่าเป็นไข่ปลาแองเกลอร์หรือเปล่า รวมไปถึงใช้โอกาศนี้สั่งเบียร์และสาเกครับ เพราะคิดว่าของแปลกแบบนี้จะดื่มน้ำเปล่าหรือชามันก็กระไรอยู่ ฉลองไปเลยแล้วกัน

เยลลี่ปลาแองเกลอร์ รสชาติใช้ได้ แต่เข้ากับสาเกที่สุดเนื่องจากความหยุ่นและรสชาติ

 ณ ตอนนั้นเอง โต๊ะข้างๆที่ประกอบไปด้วยคุณลุงใส่สูท คุณป้าอีก 2 คน กับขวดเหล้าสาเกเปล่า 2 ขวดและขวดเบียร์อีก 3 พร้อมกับหม้อไฟที่เหลือครึ่งหนึ่ง ก็ได้ชวนแอดมินคุยครับ ตอนแรกก็ตกใจสิไม่เคยเจอคนญี่ปุ่นชวนคุยในร้านอาหารมาก่อนเลย แต่ก็พอคุยได้ครับ แบบงูๆปลาๆไป ทำให้ได้ใจความว่าเขาดูออกว่าเราเป็นคนไทย เพราะดูจากท่าทางการพูดและสื่อสาร และก็ได้เขาแนะนำเรื่องอาหารอีกครับ



ตอนหม้อไฟมานั้นยังไม่ร้อนครับ เขาเริ่มจุดไฟที่ใต้หม้อตอนที่ยกมาที่โต๊ะเลย ในหม้อมีเนื้อปลาแองเกลอร์ หนังปลาแองเกลอร์ ผักรวมต่าง ๆ เห็ด ต้นหอม แปะก๊วย และตรงกลางคือราชาของหม้อนี้ นั่นคือ ตับปลาแองเกลอร์นั่นเอง

ดะชิร้อนๆรสชาติกลมกล่อม ผสมด้วยรสที่แอดมินไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร เป็นรสที่แปลกแต่ไปในทางที่ดี คาดว่าน่าจะมาจากหนังปลาแองเกลอร์ ทางด้านผักก็อร่อยดีครับแต่ควรทานผักก่อนเพราะสุกค่อนข้างเร็วพอสมควร ต้มนานไปอาจจะเละ พอพวกแอดมินจัดการผักที่ต้มสุดเร็วไปพอสมควรก็ได้ตักเนื้อ หนัง และตับปลามาลองทานดู

ทางด้านตับปลานั้น รสสัมผัสเหมือนกับฟัวกรา แต่แอดมิคคิดว่าตับปลานี้อร่อยในแบบของมันเนื่องจากตับปลาร้อน ๆ หลังจากต้มในดะชิเป็นเวลาพอสมควรทำให้รสดะชิซึมเข้าไปในตับ ซึ่งละลายในปากอย่างนุ่มนวลจนแก้มแทบจะย้วย หลังจากดื่มด่ำกับตับปลาแล้วก็ซดซุปตามเพิ่มความกลมกล่อม เสร็จแล้วก็ดื่มเบียร์/สาเกตามท้าย ฟินโครตๆเลยครับ ส่วนหนังปลาก็หยุ่น ๆ กรุบ ๆ เคี้ยวมัน ทานพร้อมกับผักที่เหลือแล้วตามด้วยเบียร์ก็สุดยอด

ผักใบสุกง่าย เห็ดสุกยาก ทานไล่ตามความสุกไปเรื่อย ๆ

ระหว่างที่แอดมินกับเพื่อนทานไปดื่มไปคุยกับโต๊ะข้าง ๆ ไป โต๊ะข้างๆก็เตือนครับว่า อ๊ะ ๆ เหลือซุปไว้ซักครึ่งหม้อนะ เดี๋ยวจะแนะนำวิธีทานปิดท้ายที่สุดยอดให้ จากนั้นเขาก็เรียกพนักงานมาแล้วแนะนำว่าให้เราสั่ง "ชุดข้าวกับไข่" ปิดท้าย แอดมินก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไรเลยสั่งตามคำแนะนำมา พอพนักงานมาอีกรอบเขาก็บริการตักพวกผักและเนื้อที่เหลือในห้อมแบ่งให้ทุกคนจนเหลือแต่ซุป เสร็จแล้วก็เอาข้าวที่ใส่ถ้วยเทลงไป เร่งไฟให้เดือด จากนั้นเขาก็คนข้าวให้แตกและเทไข่ดิบตีลงไปในน้ำซุป ปิดท้ายด้วยต้นหอมสับ จากนั้นก็ดับไฟ ผลที่ได้คือข้าวต้มซุปปลาแองเกลอร์ใส่ไข่ในภาพ

ต้มจนเดือด ใส่เข้าเข้าไป รอให้เดือดอีกนิดก็ตามด้วยไข่ แล้วปิดไฟ ใข่สุกพอควรก็โรยต้นหอม

โครตฟินอะบอกตรง

แอดมินก็คิดว่า สั่งแต่หม้อไฟคงไม่อิ่มเท่าไหร่ แต่พอได้ชุดข้าวไข่มาแล้วก็เพอร์เฟกต์เลยครับ ดะชิที่ต้มกับปลาแองเกลอร์นั้นได้ลดน้ำลงเพราะความร้อน ทำให้มีรสชาติเข้มข้นขึ้น จึงเข้ากับข้าวไข่ที่เทลงไปมากๆ โดยเฉพาะรสสัมผัสของข้าวต้มร้อนๆข้นๆด้วยครีมจากไข่ทำให้แอดมินคิดถึงริซอตโต้ขึ้นมาทันที

หลังจากทานเสร็จแอดมินก็ลงมาจ่ายเงินครับ ตอนลุกก็ลุกพร้อมกับโต๊ะที่นั่งคุยด้วย และก็คุยกันจนออกนอกร้าน ก็บอกลากันและกัน (เขาพนมมือสวัสดีด้วย เอาสิ ผมก็พนมมือสวัสดีตาม) และแยกย้ายไปคนละทาง

โดยรวมแล้วแอดมินให้ที่นี่คะแนนเต็มครับ ราคาไม่ได้แพงขนาดกระเป๋าฉีก ได้ทานของหายาก ไม่รู้ว่าจะมีที่ไหนอีกหรือเปล่า รสชาติอาหารก็อร่อยและอบอุ่น บรรยากาศก็สุดยอดมากครับ เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่มีคนชวนคุยเป็นกันเองในร้านอาหารที่ญี่ปุ่นของพวกแอดมิน หากใครอยากหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ทานอาหารแปลกที่ไม่เคยทาน หรืออยากหาร้านที่มีบรรยากาศชิล ๆ นั่งดื่มกินสบาย ๆ ไม่รีบร้อน เชิญมาที่ร้านนี้ได้เลยครับ

ลายแทงสมบัติ

Isegen
(いせ源)
神田須田町1-11-1
ChiyodaTōkyō
101-0041
Japan
Tel. +81 3-3251-1229



Open hour


Mon-Sun 11:00 AM-2:00 PM / 5:00 PM-10:00 PM


Google Map
https://www.google.com/maps?daddr=35.69655836433882,139.7691661119461


Foursquare
https://foursquare.com/v/%E3%81%84%E3%81%9B%E6%BA%90/4ce651bb595cb1f7287cbb14


*หมายเหตุ ภาพที่มีเครดิตติดอยู่จะเป็นภาพที่แอดมินขอใช้จากเว็บFoursquareนะครับเพราะแอดมินไม่ได้ไปอย่างเพรียบพร้อมหรือตั้งไปที่จะไปถ่ายทริป นี่เป็นแค่ประสบการณ์ไปเที่ยวแบบ Backpack กับเพื่อนแอดมินมาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น
Load disqus comments

0 ความคิดเห็น